| |
หน้าร้อนแบบนี้ขอชวนคุณมาดับร้อนด้วยผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงซึ่งส่วนใหญ่มีรสเปรี้ยวจี๊ดได้ใจ แถมยังมีคุณประโยชน์มากมายทั้งป้องกันหวัด คลายเครียด และยังทำให้ผิวสวยใสด้วย...เริ่ดขนาดนี้ไม่กินไม่ได้แล้ว
สตรอเบอร์รี่
ผลไม้สีแดงรสเปรี้ยวอมหวานชนิดนี้จะกินสดๆ หรือกินคู่กับไอศกรีมหรือขนมหวานอะไรก็เข้ากั๊น-เข้ากัน หากกินสตรอวเบอร์รี่ 100 กรัม คุณจะได้รับวิตามินซีถึง 66 มิลลิกรัม มีการศึกษาพบว่าเมื่อเทียบน้ำหนักที่เท่ากันพลังในการต้านอนุมูลอิสระของสตรอวเบอร์รี่สูงกว่าส้มถึงหนึ่งเท่าครึ่ง และสูงกว่าและมะเขือเทศถึงเจ็ดเท่า...ว้าว!
มะละกอสุก
เนื้อสีส้มอมแดงที่มีรสหวาน 100 กรัมก็มีวิตามินซีถึง70 มิลลิกรัมแล้ว แต่เวลาปอกเปลือกไม่ควรปอกหนานะคะนักวิจัยออสเตรียพบว่า เมื่อมะละกอสุกงอม คลอโรฟิลล์ในมะละกอจะเปลี่ยนเป็นสารไม่มีสีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างเยี่ยมยอดสะสมอยู่บริเวณเปลือกและใต้ผิวเปลือก
กีวี
หน้าตาภายนอกอาจไม่ค่อยน่ากินเท่าไหร่ แต่แค่เอามีดผ่ากลางลงไปก็จะเจอกับเนื้อสีเขียวสดใส ที่รสชาตินั้นไม่เป็นสองรองใครแน่นอน และยังมีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 2 เท่า (กีวี 100 กรัมให้วิตามินซี 100 มิลลิกรัม) กากใยก็มากกว่าแอปเปิ้ล นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียมด้วย ที่สำคัญตอนนี้กีวีก็ไม่ใช่ผลไม้หายาก หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปแล้วนะ
ฝรั่ง
แม้จะไม่ได้เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด แต่ฝรั่งกลับเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูงมาก แค่ 100 กรัมก็มีวิตามินซีถึง 187 มิลลิกรัม (สูงกว่าส้มประมาณ 4 เท่า) อ้อ! อย่าปอกเปลือกกินนะคะ เพราะแหล่งวิตามินซีก็อยู่ที่เปลือกนี่แหละ
เสาวรส
อากาศร้อนๆ แบบนี้ แค่ผ่าครึ่งเสาวรสสุกๆ โรยเกลือป่นนิดนึงแล้วตักกินเนื้อ รสชาติเปรี้ยวอมหวานแสนอร่อยจะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที แถมด้วยปริมาณวิตามินซี 39.1 มิลลิกรัม ต่อเนื้อ 100 กรัม และยังช่วยลดปริมาณไขมันในเส้นเลือดได้ด้วย
ในแต่ละวันร่างกายของเราต้องการวิตามินซีประมาณ 60 มิลลิกรัม หากเป็นผู้ที่สูบบุหรี่ประจำร่างกายจะต้องการวิตามินซีเพิ่มขึ้นอีก 40 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นแค่กินผลไม้ วิตามินเสริมก็ไม่จำเป็นแล้วล่ะ
ข้อควรระวังก็คือ วิตามินซีจะสลายได้ง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศ แสง โลหะ น้ำ หรือความร้อน ดังนั้น เพื่อให้ได้วิตามินครบถ้วนจึงควรให้ความสำคัญกับทุกขั้นตอนในการเตรียมและปรุงอาหาร เช่น ล้างให้เรียบร้อยก่อนหั่นและอย่าแช่ผลไม้ทิ้งไว้ในน้ำนานๆ หากจะคั้นน้ำก็ควรคั้นแล้วรับประทานทันทีไม่ตั้งทิ้งหรือแช่ตู้เย็นเก็บไว้ แต่ถ้าจะเก็บจริงๆ ก็อย่าให้เกิน 2 วันก็แล้วกันนะ
ที่มา....Lisa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น