บัวบก บำรุงสมอง
ถ้าจะเอ่ยชื่อถึง ใบบัวบก หลายท่านคงรู้จักพืชชนิดนี้เป็นอย่างดี ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าคนไทยรู้จัก และบริโภคพืชชนิดนี้กันมานาน ใบบัวบก หรือ Gotu Kola ชื่อพื้นเมืองมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผักแว่น ผักหนอก ทางภาคเหนือ เรียกว่า ปะหนะ เอขาเด๊าะ
บัวบกเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย มีใช้ทั้งในตำราอายุรเวท และประเทศจีน รวมถึงในแพทย์แผนไทยด้วย พบมากในประเทศแถบยุโรป เรื่อยมาจนถึงแถบแอฟริกาใต้ อินเดีย ปากีสถาน และศรีลังกา มีประวัติการใช้ประโยชน์ในทางยามานาน พบว่าส่วนสำคัญที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ส่วนของใบและราก
ใบบัวบก ได้ถูกนำมาใช้บำบัดอาการที่เกี่ยวข้องกับสมองมาเป็นเวลานาน และให้ผลเป็นที่น่าเชื่อถือจนได้ชื่อเรียกว่า อาหารสมอง เพราะคนสมัยก่อนเชื่อว่า การรับประทานจะช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำรองให้กับสมอง และได้ผลดีทั้งในแง่ของการรักษาส่วนของสมองที่ถูกทำลายแล้วให้ดีขึ้น และยังป้องกันไม่ให้สมองที่เป็นปกติอยู่ถูกทำลายหรือเสื่อมลงเร็วขึ้น
ปัจจุบัน ใบบัวบก ถือว่าเป็นสมุนไพรยอดนิยมของชาวตะวันตก ในเรื่องของประสิทธิภาพการผ่อนคลาย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความทรงจำได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาทางเภสัชวิทยาเพื่อค้นหาสารสำคัญ หรือหาสารออกฤทธิ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในใบบัวบก ทำให้เราค้นพบว่า ใบบัวบกจะให้สารไกลโคไซด์หลายชนิดที่ให้ผลต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งส่งผลให้ลดความเสื่อมของเซลล์ อวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ ช่วยลดความเครียดจากการทำงานหนัก ปรับปรุงระบบการรับส่งกระแสประสาท ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ หรือปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัวเรา
นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสามารถในการทำงาน ทั้งในแง่ของกำลังกาย และกำลังสมอง ควบคุมระดับแรงดันโลหิตให้เป็นปกติ ลดภาวะความเป็นหมัน ช่วยชะลอความแก่ หรือช่วยป้องกันร่างกายด้วยการกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย แก้ช้ำใน บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ขับปัสสาวะ แก้อาการเริ่มเป็นบิด ท้องร่วง เป็นยาขจัดเลือดเสีย แก้โรคผิวหนัง แก้พิษงูกัด และระดูขาว
ยังพบว่าสารไกลโคไซด์ที่ได้จากใบบัวบก ยังส่งผลในช่วงเร่งการสร้างสารคอลลาเจน ที่เป็นโครงสร้างของผิว จึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการกระตุ้นให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น และยังมีสาระสำคัญที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของหนอง สิว สมานแผล ยับยั้งแบคทีเรีย และเชื้อรา ช่วยเร่งการเจริญของเซลล์ เยื่อบุผิว ลดแผลเป็นให้มีขนาดเล็กลง ทำให้เลือดกระจายตัวได้ดีอีกด้วย
ภาวะที่ควรรับประทานใบบัวบก
1. ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความจำเสื่อม ได้แก่ ผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง
2. ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานที่ต้องใช้สมองอย่างมาก และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความทรงจำ
3. ผู้ที่มีความเครียดสูงจากการทำงานหนัก
4. ผู้ที่มีความผิดปกติทางผิวหนัง และกล้ามเนื้อ โดยมีอาการฟกช้ำ และผิวหนังอักเสบ
5. ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด เพราะช่วยเร่งการสมานแผลให้เร็วยิ่งขึ้น
สรรพคุณของใบบัวบก ทางการแพทย์ที่น่าสนใจ
1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสารต้านมะเร็ง
2. สามารถรักษาโรคกระเพาะได้ โดยสามารถลดขนาดของแผลในกระเพาะอาหาร (ทดลองในหนู ผลที่ได้มีนัยสำคัญ บอกถึงศักยภาพที่อาจจะทดลองนำมาใช้ในคนได้)
3. ลดความเครียด
4. มีคุณประโยชน์ในผู้ป่วยเบาหวาน โดยเพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือดฝอย การแลกเปลี่ยนออกซิเจนต่อเนื้อเยื่อ ทำให้ลดความเสี่ยงของการบวม เส้นประสาทเสื่อม เหน็บชา อ่อนแรง ในเบาหวาน
5. เพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือดฝอย การแลกเปลี่ยนออกซิเจนต่อเนื้อเยื่อ ทำให้ลดความเสี่ยงของการบวมในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีแรงดันในเส้นเลือดดำสูง หรือโรคเลือดคั่ง ขาบวมในผู้ที่เดินทางนานๆ ในรถหรือเครื่องบิน
6. อาจลดความเสี่ยงของ โรคริดสีดวง และ เส้นเลือดขอดที่ขา บำรุงสมอง (งานวิจัยในระดับสัตว์ทดลอง ว่า ทำให้มีความคิดอ่านและโรคอัลไซเมอร์ดีขึ้นได้)
แหล่งข้อมูล : นิตยสาร Alternative Medicine
.
ถ้าจะเอ่ยชื่อถึง ใบบัวบก หลายท่านคงรู้จักพืชชนิดนี้เป็นอย่างดี ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าคนไทยรู้จัก และบริโภคพืชชนิดนี้กันมานาน ใบบัวบก หรือ Gotu Kola ชื่อพื้นเมืองมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผักแว่น ผักหนอก ทางภาคเหนือ เรียกว่า ปะหนะ เอขาเด๊าะ
บัวบกเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย มีใช้ทั้งในตำราอายุรเวท และประเทศจีน รวมถึงในแพทย์แผนไทยด้วย พบมากในประเทศแถบยุโรป เรื่อยมาจนถึงแถบแอฟริกาใต้ อินเดีย ปากีสถาน และศรีลังกา มีประวัติการใช้ประโยชน์ในทางยามานาน พบว่าส่วนสำคัญที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ส่วนของใบและราก
ใบบัวบก ได้ถูกนำมาใช้บำบัดอาการที่เกี่ยวข้องกับสมองมาเป็นเวลานาน และให้ผลเป็นที่น่าเชื่อถือจนได้ชื่อเรียกว่า อาหารสมอง เพราะคนสมัยก่อนเชื่อว่า การรับประทานจะช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง โดยทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานสำรองให้กับสมอง และได้ผลดีทั้งในแง่ของการรักษาส่วนของสมองที่ถูกทำลายแล้วให้ดีขึ้น และยังป้องกันไม่ให้สมองที่เป็นปกติอยู่ถูกทำลายหรือเสื่อมลงเร็วขึ้น
ปัจจุบัน ใบบัวบก ถือว่าเป็นสมุนไพรยอดนิยมของชาวตะวันตก ในเรื่องของประสิทธิภาพการผ่อนคลาย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความทรงจำได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาทางเภสัชวิทยาเพื่อค้นหาสารสำคัญ หรือหาสารออกฤทธิ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในใบบัวบก ทำให้เราค้นพบว่า ใบบัวบกจะให้สารไกลโคไซด์หลายชนิดที่ให้ผลต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ซึ่งส่งผลให้ลดความเสื่อมของเซลล์ อวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ ช่วยลดความเครียดจากการทำงานหนัก ปรับปรุงระบบการรับส่งกระแสประสาท ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์ หรือปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นรอบตัวเรา
นอกจากนี้ ยังเพิ่มความสามารถในการทำงาน ทั้งในแง่ของกำลังกาย และกำลังสมอง ควบคุมระดับแรงดันโลหิตให้เป็นปกติ ลดภาวะความเป็นหมัน ช่วยชะลอความแก่ หรือช่วยป้องกันร่างกายด้วยการกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย แก้ช้ำใน บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ขับปัสสาวะ แก้อาการเริ่มเป็นบิด ท้องร่วง เป็นยาขจัดเลือดเสีย แก้โรคผิวหนัง แก้พิษงูกัด และระดูขาว
ยังพบว่าสารไกลโคไซด์ที่ได้จากใบบัวบก ยังส่งผลในช่วงเร่งการสร้างสารคอลลาเจน ที่เป็นโครงสร้างของผิว จึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการกระตุ้นให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น และยังมีสาระสำคัญที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของหนอง สิว สมานแผล ยับยั้งแบคทีเรีย และเชื้อรา ช่วยเร่งการเจริญของเซลล์ เยื่อบุผิว ลดแผลเป็นให้มีขนาดเล็กลง ทำให้เลือดกระจายตัวได้ดีอีกด้วย
ภาวะที่ควรรับประทานใบบัวบก
1. ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคความจำเสื่อม ได้แก่ ผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง
2. ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานที่ต้องใช้สมองอย่างมาก และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความทรงจำ
3. ผู้ที่มีความเครียดสูงจากการทำงานหนัก
4. ผู้ที่มีความผิดปกติทางผิวหนัง และกล้ามเนื้อ โดยมีอาการฟกช้ำ และผิวหนังอักเสบ
5. ผู้ป่วยหลังการผ่าตัด เพราะช่วยเร่งการสมานแผลให้เร็วยิ่งขึ้น
สรรพคุณของใบบัวบก ทางการแพทย์ที่น่าสนใจ
1. มีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสารต้านมะเร็ง
2. สามารถรักษาโรคกระเพาะได้ โดยสามารถลดขนาดของแผลในกระเพาะอาหาร (ทดลองในหนู ผลที่ได้มีนัยสำคัญ บอกถึงศักยภาพที่อาจจะทดลองนำมาใช้ในคนได้)
3. ลดความเครียด
4. มีคุณประโยชน์ในผู้ป่วยเบาหวาน โดยเพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือดฝอย การแลกเปลี่ยนออกซิเจนต่อเนื้อเยื่อ ทำให้ลดความเสี่ยงของการบวม เส้นประสาทเสื่อม เหน็บชา อ่อนแรง ในเบาหวาน
5. เพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือดฝอย การแลกเปลี่ยนออกซิเจนต่อเนื้อเยื่อ ทำให้ลดความเสี่ยงของการบวมในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีแรงดันในเส้นเลือดดำสูง หรือโรคเลือดคั่ง ขาบวมในผู้ที่เดินทางนานๆ ในรถหรือเครื่องบิน
6. อาจลดความเสี่ยงของ โรคริดสีดวง และ เส้นเลือดขอดที่ขา บำรุงสมอง (งานวิจัยในระดับสัตว์ทดลอง ว่า ทำให้มีความคิดอ่านและโรคอัลไซเมอร์ดีขึ้นได้)
แหล่งข้อมูล : นิตยสาร Alternative Medicine
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น